BabyToddlersKids
BabyToddlersKids
    • {{option.blog_title}}
  • Login
  • or
  • Signup
    • {{option.blog_title}}
  • Login
  • or
  • Signup
  • ตั้งครรภ์
    • ดูทั้งหมด
    • ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 1 (First Trimester)
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 1
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 2
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 3
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 4
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 5
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 6
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 7
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 8
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 9
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 10
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 11
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 12
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 13
    • ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 (Second Trimester)
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 14
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 15
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 16
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 17
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 18
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 19
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 20
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 21
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 22
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 23
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 24
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 25
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 26
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 27
    • ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 (Third Trimester)
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 28
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 29
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 30
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 31
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 32
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 33
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 34
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 35
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 36
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 37
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 38
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 39
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 40
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 41
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 42
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 43
  • เด็กวัยแรกเกิด
    • ดูทั้งหมด
    • Parenting The Parent
    • พัฒนาการลูกน้อย (Baby's Developement)
      • พัฒนาการเด็กแรกเกิด ถึง 7 สัปดาห์ (Baby's Development Newborn to week 7)
        • เด็กแรกเกิด ถึงอายุ 1 สัปดาห์ (Newborn to 1 week old baby)
        • เด็กอายุ 2 สัปดาห์ (2 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 3 สัปดาห์ (3 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 4 สัปดาห์ (4 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 5 สัปดาห์ (5 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 6 สัปดาห์ (6 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 7 สัปดาห์ (7 Weeks Old Baby)
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน (Baby's Development - Month by Month)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 2 เดือน (First Year - 2 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 3 เดือน (First Year - 3 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 4 เดือน (First Year - 4 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 5 เดือน (First Year - 5 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 6 เดือน (First Year - 6 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 7 เดือน (First Year - 7 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 8 เดือน (First Year - 8 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 9 เดือน (First Year - 9 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 10 เดือน (First Year - 10 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 11 เดือน (First Year - 11 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 12 เดือน (First Year - 12 Months Old)
    • การให้อาหารทารก (Feeding)
      • Alternative methods of infant feeding
        • Alternative methods of infant feeding
      • การให้นมจากขวด (Bottle Feeding)
        • นมผงสำหรับทารก (Formula Feeding)
      • การให้นมแม่ (Breast Feeding)
        • การให้นมแม่
      • อาหารบด (Solids)
        • อาหารเสริมสำหรับทารก (Solid Foods)
    • วัคซีน (Vaccinations)
      • วัคซีน (Vaccine Basic)
        • การฉีดวัคซีนป้องกันโรคในเด็กปลอดภัยหรือไม่? Are Immunizations safe?
        • การฉีดวัคซีนในเด็ก (The Importance of Vaccines)
    • สุขภาพและความปลอดภัยเด็ก (Health & Safety)
      • การนอนในเด็กทารก (Baby Sleep)
        • การกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับ (Getting Baby to Sleep)
        • การนอนของเด็กแรกเกิด (Baby Bedtime Routine)
        • การนอนหลับในเด็ก (Baby Sleep)
        • ฝึกเด็กวัยแรกเกิดให้นอนเองและนอนได้นาน (Baby Sleep Training Strategies)
  • เด็กวัยหัดเดิน
    • ดูทั้งหมด
    • พัฒนาการเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Development)
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน (Toddler Development - Month by Month)
    • สุขภาพและความปลอดภัยเด็ก (Health & Safety)
      • การนอนในเด็ก (Sleep)
    • การเล่น (Playtime)
    • อุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Gears)
      • จานและชามสำหรับทานอาหารของเด็กวัยหัดเดิน (Plates and Bowls for Toddler)
      • รั้วกั้นสำหรับเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Safety Gates)
      • อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของเด็กวัยหัดเดิน (Toddler safety products)
      • เก้าอี้และโต๊ะทานข้าวสำหรับเด็กวัยหัดเดิน (High Chair and Table for Toddler)
      • เตียงนอนสำหรับเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Bed)
  • เด็กก่อนวัยเรียน
    • ดูทั้งหมด
    • Covid-19
      • การเตรียมตัวเปิดเทอมในช่วงโควิด-19
      • หากสงสัยว่าลูกน้อยได้รับเชื้อไวรัส COVID 19
    • เด็กวัย 3 ขวบ
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน
    • เด็กวัย 4 ขวบ
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน
    • การฝึกเด็กขับถ่าย (Potty Training)
      • การฝึกเด็กขับถ่าย (Potty Training)
  • อุปกรณ์และของใช้เด็ก
    • ดูทั้งหมด
    • รถเข็น / คาร์ซีท / เป้อุ้ม และอุปกรณ์
      • คาร์ซีท (Carseat)
      • รถเข็น (Stroller)
      • อุปกรณ์อุ้มเด็ก (Baby Carrier)
    • อุปกรณ์การให้นม
      • ขวดนม (Milk Bottle)
      • จุกนม (Nipples)
      • หมอนรองให้นม (Nursing Pillow)
      • แปรงทำความสะอาดขวดนม (Bottle Brush)
    • เตียงนอนและอุปกรณ์ในห้องเลี้ยงเด็ก
      • ปลอกหุ้มเบาะรองเปลี่ยนผ้าอ้อม (Changing pad cover)
      • เบาะนอนสำหรับเปลเด็ก (Crib Mattress)
      • เปลเด็ก (Crib and Mattress)
      • โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก (Dresser, Changing Table)
    • เสื้อผ้าและของใช้เด็กทารก
      • ชุดกลับบ้านของลูกน้อย (Going home outfit), หมวกสำหรับเด็ก (Baby cap)
      • ผ้าห่อตัวเด็ก (Swaddle), เสื้อคลุมเด็ก (Wearable blanket), เสื้อแบบใส่และถอดด้านข้าง (Side snap t-shirt)
PP 20K

Advertisement

Plug&Play
  • สัปดาห์ที่ 35 สัปดาห์ที่ 35
  • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 36

  • สัปดาห์ที่ 37 สัปดาห์ที่ 37
สัปดาห์ที่ 35 สัปดาห์ที่ 36
4
weeks to go

การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 36

IN THIS SECTION

  • พัฒนาการของทารกในครรภ์สัปดาห์ที่ 36
  • การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของคุณแม่
  • อาการที่พบบ่อยของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 36
  • คำแนะนำสำหรับคุณแม่

พัฒนาการของทารกในครรภ์ในสัปดาห์ที่ 36
My Baby This Week

ในช่วงสัปดาห์ที่ 36 นี้ ลูกน้อยของคุณแม่คุณพ่อจะมีขนาดความยาวของร่างกายประมาณ 44.5 เซนติเมตร ถึง 48.3 เซนติเมตร หรือ 17.5 นิ้ว ถึง 19 นิ้ว และมีน้ำหนักประมาณ 2.6 กิโลกรัม ถึง 3.1 กิโลกรัม หรือ 5.75 ปอนด์ ถึง 6.75 ปอนด์ ขนาดจะใกล้เคียงกับผักคะน้า 1 กำ (A bunch of kale) โดยในช่วงอายุครรภ์ 36 สัปดาห์นี้ทารกจะมีผิวที่อมชมพูมากขึ้น และมีลักษณะอวบอ้วน ซึ่งเป็นลักษณะของเด็กแรกเกิด (Newborn)

ในช่วงนี้พัฒนาการด้านอวัยวะภายนอกร่างกายของทารกจะพัฒนาช้าลงแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกคือการที่ทารกเริ่มเติบโตช้าลงในช่วงนี้ เป็นสัญญาณว่าทารกกำลังเก็บพลังงาน ไว้ใช้ระหว่างการคลอด (Labor) และการใช้ชีวิตภายนอกครรภ์ อีกประการหนึ่งคือ หากทารกเติบโตไปมากกว่านี้ จะทำให้การคลอดเป็นไปได้ยากมากขึ้น เนื่องจากส่วนศีรษะและลำตัวของทารกมีโอกาสติดบริเวณช่องคลอด (Birth canal) ได้

พัฒนาการสำคัญที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของทารกในช่วงนี้คือ ระบบไหลเวียนโลหิต ได้พัฒนาจนสมบูรณ์และพร้อมใช้งานเต็มประสิทธิภาพแล้ว และ ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) ก็พร้อมใช้งาน เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคภายนอกครรภ์แล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์นี้ทารกยังมีพัฒนาการที่น่าสนใจอีกส่วนหนึ่งนั่นคือประสาทการได้ยิน ที่สามารถรับรู้และจำแนก เสียงต่างๆได้แล้ว ผลการวิจัยยังเผยอีกว่าทารกสามารถรับรู้และจดจำเสียงของคุณแม่คุณพ่อได้ รวมไปถึงเสียงเพลงที่เคยได้ฟัง

สุขภาพของทารกในช่วงสัปดาห์ที่ 36
Baby's Health

ในช่วงสัปดาห์ใกล้คลอดนี้ คุณหมอหลายท่านจะนัดพบคุณแม่ทุกสัปดาห์ โดยอาจทำการอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อติดตามผลการเติบโตของทารก รวมไปถึงอัตราการเต้นของหัวใจ ลักษณะของรก (Placenta) และท่าทางของทารก ซึ่งในช่วงสัปดาห์นี้ควรอยู่ในลักษณะหัวลง (Head down) ซึ่งเป็นท่าเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด

หากคุณแม่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรน (Whooping cough) หรือเรียกว่า Tdap ระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรพิจารณาเข้ารับการฉีดวัคซีนก่อนหมดช่วงที่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ซึ่งสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้าย โดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) ได้แนะนำให้คุณแม่ฉีดวัคซีน Tdap ขณะตั้งครรภ์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์ มากกว่าการฉีดวัคซีนให้กับคุณแม่หลังคลอด เนื่องจากวัคซีนจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์กว่าจะเริ่มผลิตสารภูมิต้านทานในร่างกาย ดังนั้นแม้คุณแม่จะไม่ส่งต่อโรคไอกรนไปให้ลูกน้อยในช่วง 2 เดือนแรกก่อนลูกน้อยรับการฉีดวัคซีนครั้งแรก แต่ลูกน้อยก็อาจรับเชื้อโรคไอกรนจากผู้อื่นได้ในช่วงที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้คุณหมอยังอาจให้คุณแม่รับการตรวจการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ปบี (Group B Strep test) ขณะตั้งครรภ์ เพื่อให้มั่นใจว่าทารกที่จะเกิดมานั้นจะไม่เสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพ

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 36
My Body
ในช่วงอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ น้ำหนักของคุณแม่จะเพิ่มจากน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 9 กิโลกรัม ถึง 13 กิโลกรัม หรือ 20 ปอนด์ ถึง 30 ปอนด์ โดยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและขนาดของท้องที่ใหญ่มากขึ้นในช่วงนี้จะทำให้คุณแม่บางท่านเริ่มมีท่าทางการเดินที่เปลี่ยนไป ที่เป็นลักษณะการเดินต้วมเตี้ยม คล้ายการเดินของนกเพนกวิน ซึ่งการเดินแบบนี้จะช่วยให้คุณแม่หาสมดุลในการเดินได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ คุณแม่หลายท่านยังอาจรู้สึกเจ็บบริเวณเชิงกราน (Pelvic pain) เนื่องจากศีรษะของทารกเริ่มหย่อนลงมาใกล้บริเวณช่องคลอดมากขึ้นเรื่อยๆ และมดลูก (Uterus) มีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความลำบากและไม่สบายตัวขณะเดิน คุณแม่สามารถบรรเทาอาการปวดเชิงกรานได้ด้วยการออกกำลังกายบริเวณเชิงกราน (Pelvic exercise) การแช่น้ำอุ่น การประคบร้อน และ การนวด เป็นต้น

อาการที่พบบ่อยของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 36
Signs & Common Symptoms of Pregnancy

1. อาการเจ็บครรภ์หลอก (Braxton Hicks contractions) ซึ่งเป็นการบีบตัวของมดลูกประมาณ 30 วินาที ถึง 2 นาที ซึ่งในช่วงอายุครรภ์ 36 สัปดาห์คุณแม่จะมีอาการเจ็บครรภ์หลอกที่มีความถี่มากขึ้น ถือเป็นภาวะเจ็บครรภ์เตือน (False labor – False alarm) แต่หากคุณแม่มีอาการเจ็บครรภ์หลอกที่รุนแรงและถี่กว่าปกติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา

2. อาการตกขาว (Vaginal discharge) ซึ่งเกิดขึ้นได้เป็นปกติและมักเกิดเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่ช่วง 36 สัปดาห์ โดยมักมีสีอมชมพูหรือในบางกรณีมีเลือด ปนออกมาด้วยเนื่องจากปากมดลูก (Cervix) นั้นระคายเคืองง่ายกว่าปกติ

3. อาการเท้าและข้อเท้าบวม ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนในสัปดาห์นี้ โดยไม่เพียงแต่บริเวณเท้าและข้อเท้าเท่านั้นที่มีอาการบวม แต่มือ นิ้วมือ และ ใบหน้า อาจมีอาการบวมด้วย คุณแม่ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยในการขับถ่ายโซเดียม และของเสียอื่นๆออกจากร่างกายเพื่อลดอาการบวม

4. อาการท้องอืด ซึ่งจะทำให้คุณแม่ผายลมและเรอบ่อยมากขึ้น ดังนั้นคุณแม่ควรทานอาหารให้ช้าลง เพื่อลดการรับลมส่วนเกินทางปาก

การดูแลสุขภาพและการปฏิบัติตัวของคุณแม่
The Doc Says

ในช่วงสัปดาห์ใกล้คลอดนี้คุณแม่ควรเริ่มศึกษาวิธีการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือเด็กแรกเกิดที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น หรือที่เรียกว่า CPR (Cardiopulmonary Resuscitation) หรือเข้ารับการอบรมที่โรงพยาบาลโดยแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นการเตรียมตัวหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

นอกจากนี้คุณแม่ยังควรแบ่งมื้ออาหารให้เล็กลงแต่มีจำนวนมื้อที่เพิ่มมากขึ้น และทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน บี6 (Vitamin B6 – Pyridoxine) ซึ่งสามารถพบได้มากในกล้วย อะโวคาโด ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ผักโขม แตงโม เนื้อสัตว์ ฯลฯ เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนได้ดีมากขึ้น ร่างกายของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์สามารถนำโปรตีนไปใช้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในทารก ซึ่งโปรตีนมีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างเซลล์ รวมไปถึงการพัฒนาสมอง และ ระบบประสาท

+ M.D. Visit Planner: Discuss episiotomy

+ To Do: Join breastfeeding education support group

  • สัปดาห์ที่ 35 สัปดาห์ที่ 35
  • สัปดาห์ที่ 37 สัปดาห์ที่ 37
ดูแหล่งที่มา ซ่อนแหล่งที่มา

cdc.gov, pertussis, pregnant, mom, get vaccinated

flo.health, pregnancy, week by week, 36 weeks pregnant

americanpregnancy.org, week by week, 36 weeks pregnant

whattoexpect.com, pregnancy, week by week, week 36

Advertisement

{{ad1_name}}
{{ad2_name}}
{{ad3_name}}

Most Related

ดูแหล่งที่มา ซ่อนแหล่งที่มา

nct.org.uk, baby toddler, your child’s development, your baby’s development 18-21 months

https://www.nct.org.uk/baby-toddler/your-childs-development/your-babys-development-18-21-months

theparentline.org, infant toddler development, 19-21 months

http://www.theparentline.org/infant-toddler-development/19-21-months/

theplab.net, 21 months old

https://theplab.net/21-months-old/

ecda.gov.sg, growatbeanstalk, documents, early years development framework 

https://www.ecda.gov.sg/growatbeanstalk/Documents/MCYS%20EARLY%20YEARS%20DEVELOPMENT%20FRAMEWORK.pdf

Kidspot.com.au, parenting, toddler, toddler development, your toddler at 21 months

https://www.kidspot.com.au/parenting/toddler/toddler-development/your-toddler-at-21-months/news-story/527ee914f42854251bbf4b1296b78c69

BabyToddlersKids

BabyToddlersKids.com เป็น The trustworthy pregnancy and baby information site. ที่ให้พ่อแม่ยุคดิจิตอล ที่ต้องการหาข้อมูล องค์ความรู้ เกี่ยวกับลูก ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงวัยก่อนเข้าเรียน จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ทั้งสถาบันวิจัยเฉพาะทางหน่วยงานวิจัยของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก โรงพยาบาล ที่มีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมทั้งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทำให้ผู้ที่กำลังเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจในข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก สามารถนำข้อมูลจาก BabyToddlersKids.com ไปเป็นข้อมูลประกอบในการเตรียมพร้อม และดูแลลูกในด้านต่างๆ ต่อไป





Contact Us


  • [email protected]

388/52 ชิคดิสทริค
รามคำแหง 53 ถนนรามคำแหง พลับพลา
กรุงเทพมหานคร


Connect with us

  • TRACK พัฒนาการทารกในครรภ์

    กดปุ่ม Join Us เพื่อติดตามพัฒนาการทารกในครรภ์ในแต่ละสัปดาห์ พร้อมข้อมูล คำแนะนำจากคุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลทารกในครรภ์และคุณแม่

    ลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ เพื่อไม่พลาดการติดตามพัฒนาการลูก

  • Join Us

© 2019 babytoddlerskids.com. All Rights Reserved.