BabyToddlersKids
BabyToddlersKids
    • {{option.blog_title}}
  • Login
  • or
  • Signup
    • {{option.blog_title}}
  • Login
  • or
  • Signup
  • ตั้งครรภ์
    • ดูทั้งหมด
    • ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 1 (First Trimester)
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 1
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 2
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 3
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 4
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 5
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 6
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 7
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 8
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 9
      • ตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 10
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 11
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 12
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 13
    • ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 (Second Trimester)
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 14
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 15
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 16
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 17
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 18
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 19
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 20
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 21
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 22
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 23
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 24
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 25
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 26
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 27
    • ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 (Third Trimester)
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 28
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 29
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 30
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 31
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 32
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 33
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 34
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 35
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 36
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 37
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 38
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 39
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 40
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 41
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 42
      • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 43
  • เด็กวัยแรกเกิด
    • ดูทั้งหมด
    • Parenting The Parent
    • พัฒนาการลูกน้อย (Baby's Developement)
      • พัฒนาการเด็กแรกเกิด ถึง 7 สัปดาห์ (Baby's Development Newborn to week 7)
        • เด็กแรกเกิด ถึงอายุ 1 สัปดาห์ (Newborn to 1 week old baby)
        • เด็กอายุ 2 สัปดาห์ (2 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 3 สัปดาห์ (3 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 4 สัปดาห์ (4 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 5 สัปดาห์ (5 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 6 สัปดาห์ (6 Weeks Old Baby)
        • เด็กอายุ 7 สัปดาห์ (7 Weeks Old Baby)
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน (Baby's Development - Month by Month)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 2 เดือน (First Year - 2 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 3 เดือน (First Year - 3 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 4 เดือน (First Year - 4 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 5 เดือน (First Year - 5 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 6 เดือน (First Year - 6 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 7 เดือน (First Year - 7 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 8 เดือน (First Year - 8 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 9 เดือน (First Year - 9 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 10 เดือน (First Year - 10 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 11 เดือน (First Year - 11 Months Old)
        • เด็กแรกเกิด - อายุ 12 เดือน (First Year - 12 Months Old)
    • การให้อาหารทารก (Feeding)
      • Alternative methods of infant feeding
        • Alternative methods of infant feeding
      • การให้นมจากขวด (Bottle Feeding)
        • นมผงสำหรับทารก (Formula Feeding)
      • การให้นมแม่ (Breast Feeding)
        • การให้นมแม่
      • อาหารบด (Solids)
        • อาหารเสริมสำหรับทารก (Solid Foods)
    • วัคซีน (Vaccinations)
      • วัคซีน (Vaccine Basic)
        • การฉีดวัคซีนป้องกันโรคในเด็กปลอดภัยหรือไม่? Are Immunizations safe?
        • การฉีดวัคซีนในเด็ก (The Importance of Vaccines)
    • สุขภาพและความปลอดภัยเด็ก (Health & Safety)
      • การนอนในเด็กทารก (Baby Sleep)
        • การกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับ (Getting Baby to Sleep)
        • การนอนของเด็กแรกเกิด (Baby Bedtime Routine)
        • การนอนหลับในเด็ก (Baby Sleep)
        • ฝึกเด็กวัยแรกเกิดให้นอนเองและนอนได้นาน (Baby Sleep Training Strategies)
  • เด็กวัยหัดเดิน
    • ดูทั้งหมด
    • พัฒนาการเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Development)
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน (Toddler Development - Month by Month)
    • สุขภาพและความปลอดภัยเด็ก (Health & Safety)
      • การนอนในเด็ก (Sleep)
    • การเล่น (Playtime)
    • อุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Gears)
      • จานและชามสำหรับทานอาหารของเด็กวัยหัดเดิน (Plates and Bowls for Toddler)
      • รั้วกั้นสำหรับเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Safety Gates)
      • อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของเด็กวัยหัดเดิน (Toddler safety products)
      • เก้าอี้และโต๊ะทานข้าวสำหรับเด็กวัยหัดเดิน (High Chair and Table for Toddler)
      • เตียงนอนสำหรับเด็กวัยหัดเดิน (Toddler Bed)
  • เด็กก่อนวัยเรียน
    • ดูทั้งหมด
    • Covid-19
      • การเตรียมตัวเปิดเทอมในช่วงโควิด-19
      • หากสงสัยว่าลูกน้อยได้รับเชื้อไวรัส COVID 19
    • เด็กวัย 3 ขวบ
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน
    • เด็กวัย 4 ขวบ
      • พัฒนาการเด็กในแต่ละเดือน
    • การฝึกเด็กขับถ่าย (Potty Training)
      • การฝึกเด็กขับถ่าย (Potty Training)
  • อุปกรณ์และของใช้เด็ก
    • ดูทั้งหมด
    • รถเข็น / คาร์ซีท / เป้อุ้ม และอุปกรณ์
      • คาร์ซีท (Carseat)
      • รถเข็น (Stroller)
      • อุปกรณ์อุ้มเด็ก (Baby Carrier)
    • อุปกรณ์การให้นม
      • ขวดนม (Milk Bottle)
      • จุกนม (Nipples)
      • หมอนรองให้นม (Nursing Pillow)
      • แปรงทำความสะอาดขวดนม (Bottle Brush)
    • เตียงนอนและอุปกรณ์ในห้องเลี้ยงเด็ก
      • ปลอกหุ้มเบาะรองเปลี่ยนผ้าอ้อม (Changing pad cover)
      • เบาะนอนสำหรับเปลเด็ก (Crib Mattress)
      • เปลเด็ก (Crib and Mattress)
      • โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก (Dresser, Changing Table)
    • เสื้อผ้าและของใช้เด็กทารก
      • ชุดกลับบ้านของลูกน้อย (Going home outfit), หมวกสำหรับเด็ก (Baby cap)
      • ผ้าห่อตัวเด็ก (Swaddle), เสื้อคลุมเด็ก (Wearable blanket), เสื้อแบบใส่และถอดด้านข้าง (Side snap t-shirt)
PP 20K

Advertisement

Plug&Play
  • สัปดาห์ที่ 10 สัปดาห์ที่ 10
  • การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 11

  • สัปดาห์ที่ 12 สัปดาห์ที่ 12
สัปดาห์ที่ 10 สัปดาห์ที่ 11
29
weeks to go

การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 11

IN THIS SECTION

  • พัฒนาการของทารกในครรภ์สัปดาห์ที่ 11
  • การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของคุณแม่
  • อาการที่พบบ่อยของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 11
  • คำแนะนำสำหรับคุณแม่

พัฒนาการของทารกในครรภ์ในสัปดาห์ที่ 11
My Baby This Week

สัปดาห์นี้เป็นช่วงท้ายของไตรมาสแรกของคุณแม่แล้ว และตัวอ่อนก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งอวัยวะภายนอกและภายใน ในช่วงนี้ ขนาดของตัวอ่อนเพิ่มเป็นประมาณ 4-6 เซนติเมตร วัดจากศีรษะถึงก้น มีน้ำหนักประมาณ 14 กรัม หรือมีขนาดเท่าลูกสครอเบอรี่ ในขณะที่รกก็ขยายขนาดขึ้นเพื่อรองรับตัวอ่อนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ลักษณะโดยรวมดูเหมือนเด็กทารกมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีศีรษะใหญ่กว่าลำตัว กระดูกบริเวณใบหน้าเริ่มพัฒนาขึ้น เปลือกตาปิดสนิท ใบหูเริ่มเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนขึ้นแต่ยังมีขนาดเล็กอยู่ ลำตัวเริ่มยืดตรงมากขึ้น นิ้วมือและนิ้วเท้าเริ่มแยกออกจากกัน พร้อมทั้งมีเล็บมือเล็บเท้าเรียบร้อยแล้ว

ผิวหนังยังคงโปร่งใส ขณะที่กระดูกเริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเตะขาและเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ เพียงแต่คุณแม่ยังคงไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวนี้ ส่วนอวัยวะเพศภายนอกนอกกำลังพัฒนาใกล้สมบูรณ์ โดยคุณแม่คุณพ่อจะสามารถรู้เพศของลูกน้อยในไม่ช้านี้แล้ว

การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 11
My Body

ในสัปดาห์นี้ คุณแม่อาจสังเกตถึงหน้าท้องที่เพิ่มขนาดขึ้นเล็กน้อย และรอบเอวเพิ่มขึ้น เป็นเพราะกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณหน้าท้องเริ่มขยายตัว เพราะมดลูกเริ่มขยายตัวนั่นเอง นอกจากนี้ หน้าอก ของคุณแม่ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนอาจไม่สามารถเสื้อชั้นในตัวเดิมได้แล้ว แนะนำว่าคุณแม่ควรหาเสื้อชั้นในที่รองรับเต้านมที่ขยายใหญ่ขึ้น หรือ ลองหาเสื้อชั้นในสำหรับคนท้องได้แล้วในช่วงนี้

เนื่องด้วยขนาดตัวอ่อนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของคุณแม่จะผลิตเลือดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 เพื่อหล่อเลี้ยงตัวอ่อนอย่างเพียงพอ ส่งผลให้คุณแม่รู้สึกร้อนมากกว่าปกติ ดังนั้น ในช่วงนี้ ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย

นอกจากนี้ คุณแม่อาจยังสังเกตได้ว่า ผมและเล็บยาวเร็วกว่าปกติ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพียงแต่สันนิษฐานว่า อาจเป็นเพราะระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์

อาการที่พบบ่อยของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 11
Signs & Common Symptoms of Pregnancy

ปวดท้อง
อาการปวดท้อง ถือเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ เพราะกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณท้องเกิดการยืดตัวเพื่อรองรับการขยายตัวของมดลูก หรืออาจเกิดจากอาการท้องผูก หรือมีลมที่ถูกกักอยู่ในช่องท้อง อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองเมื่อคุณแม่เปลี่ยนอิริยาบถ นอนพัก หรือขับถ่ายออกไป

อย่างไรก็ตาม หากอาการปวดท้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง และไม่หายไป อาจเป็นสัญญาณของภาวะฉุกเฉินอื่นๆ เช่น ภาวะท้องนอกมดลูก หรือภาวะแท้ง โดยหากคุณแม่ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการปวดท้องรุนแรง หรือเกิดขึ้นกะทันหัน และมีอาการอื่นร่วมด้วย ดังต่อไปนี้

  • มีเลือดออกทางช่องคลอด
  • ปวดบริเวณหัวไล่
  • มีของเหลวสีน้ำตาลออกจากช่องคลอด
  • หน้ามืด เป็นลม
  • รู้สึกขัดขณะอุจจาระหรือปัสสาวะ

รู้สึกร้อนมากกว่าปกติ
ในช่วงนี้ อัตราการเผาผลาญของร่างกายคุณแม่จะเพิ่มขึ้น และทำงานหนักขึ้น เพราะมีอีกหนึ่งที่ชีวิตในตัวคุณ ขณะที่ร่างกายจะผลิตปริมาตรเลือดเพิ่มขึ้นเพื่อนำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงต่ออ่อนเพิ่มมากขึ้น ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ทำให้คุณแม่รู้สึกร้อนกว่าปกติ จึงควรดื่มน้ำให้มากขึ้น

นอกจากนี้ คุณแม่อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยดังนี้

  • หายใจลำบาก
  • ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย
  • เจ็บหน้าอก
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน
  • หงุดหงิดง่าย
  • วิตกกังวล
  • อารมณ์แปรปรวน
  • รับประทานอาหารมากขึ้น
  • ท้องอืดบ่อย
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • ความรู้สึกไวต่อกลิ่นและความชอบในการกินที่เปลี่ยนไป
  • ปวดเกร็งบริเวณท้องคล้ายปวดประจำเดือน
  • มีตกขาว ซึ่งตามปกติ จะมีสีขาวและไม่มีกลิ่น แต่ถ้ามีกลิ่นหรือสีเปลี่ยนไป หรือมีอาการคันผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด (Implantation Bleeding) หรือตามที่คนโบราณมักเรียกว่า “เลือดล้างหน้าเด็ก” แต่เลือดที่ออกมาในช่วงนี้จะต่างจากเลือดประจำเดือน โดยจะออกมาปริมาณเล็กน้อย และมีสีชมพูจางๆ หรือน้ำตาล ไม่ได้เป็นสีแดงสดเหมือนเลือดประจำเดือนตามปกติ อาการนี้ถือเป็นสิ่งปกติในหญิงตั้งครรภ์ และพบเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่มีอาการนี้ ดังนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องกังวลมากนัก
  • รู้สึกถึงรสชาติเหล็กในปาก
  • ปวดเกร็งบริเวณท้องคล้ายปวดประจำเดือน
  • ผิวหนังบนใบหน้ามีสีคล้ำเป็นปื้นๆ หรือเป็นฝ้า เกิดจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง หลังคลอดจะหายไปเอง คุณแม่ไม่ต้องกังวล
  • ผิวหนังมันและมีจุดด่างดำ
  • ผมดกขึ้นหรือขนหนาขึ้น
  • มีเส้นสีดำกลางท้อง (จะหายไปเองหลังคลอด)

คำแนะนำสำหรับคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 11
The Doc Says

ในคุณแม่บางราย ยังคงต้องต่อสู้กับอาการแพ้ท้อง จนทำให้หนักลด หรือ ในบางราย ก็มีอยากรับประทานอาหารมากขึ้นจนน้ำหนักขึ้น โดยจากข้อมูลของ American Pregnancy Association น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ในช่วงปกติ คือ ตั้งแต่ 18.5-24.9 ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 11.3-15.9 กิโลกรัม

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายยังคงมีความสำคัญสำหรับตัวคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ โดยช่วงนี้แนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองและสายตาของลูกน้อยในครรภ์ โดยอาหารที่พบโอเมก้า 3 และ 6 มาก ได้แก่ เมล็ดทานตะวัน หากคุณแม่รู้สึกอยากอาหาร ก็แนะนำให้เตรียมเมล็ดทานตะวันไว้ใกล้ตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานของหวานอื่นๆ ที่มีน้ำตาลและไขมันสูง อย่าลืมว่า หากคุณแม่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ลูกในท้องก็จะได้รับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ไปด้วย

+ M.D. Visit Planner: Talk to doctor about screening tests




  • สัปดาห์ที่ 10 สัปดาห์ที่ 10
  • สัปดาห์ที่ 12 สัปดาห์ที่ 12
ดูแหล่งที่มา ซ่อนแหล่งที่มา

แหล่งข้อมูลอ้างอิงของบทความนี้

https://americanpregnancy.org/week-by-week/11-weeks-pregnant/

https://kidshealth.org/en/parents/week11.html

https://www.nhs.uk/conditions/pregnancy-and-baby/11-weeks-pregnant/

https://www.nhs.uk/start4life/pregnancy/week-by-week/1st-trimester/week-eleven

https://www.tommys.org/pregnancy-week-by-week/11-weeks-pregnant-whats-happening

https://www.tommys.org/pregnancy-information/symptom-checker/stomach-abdominal-pain-or-cramps-pregnancy


Advertisement

{{ad1_name}}
{{ad2_name}}
{{ad3_name}}

Most Related

การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 33

การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 33

จากที่เคยรับสารภูมิต้านทานจากคุณแม่ผ่านทางรก (Placenta) ทารกได้เริ่มพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมการสำหรับการใช้ชีวิตหลังค...


การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 12

การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 12

ลูกสามารถขยับแขนขา เคลื่อนไหวร่างกายได้ แต่คุณแม่ไม่รู้สึกเพราะลูกตัวเล็กเกินไป


เด็กวัยหัดเดิน - อายุ 13 เดือน (Toddler - Age 13 months)

เด็กวัยหัดเดิน - อายุ 13 เดือน (Toddler - Age 13 months)

เด็กจะเป็นนักเลียนแบบและนักสังเกตการณ์ประจำบ้านของคุณแม่คุณพ่อ และเริ่มที่จะมีความคิดเป็นของตัวเอง


การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 13

การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 13

ในสัปดาห์นี้ ขนบางๆ จะเริ่มปกคลุมผิวหนังของทารกแล้ว ในขณะที่ระบบสืบพันธุ์ภายใน ได้แก่ อัณฑะและรังไข่ก็พัฒนาสมบูรณ์แล้ว และอวัยวะเพศภายนอกก็กำลังพัฒ...


การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 16

การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 16

ทารกในครรภ์สามารถตั้งศีรษะตรง ขยับแขนขา กำหมัด หรือ จับสายสะดือได้เองแล้ว รวมทั้งสามารถแสดงสีหน้าได้ เช่น ขมวดคิ้ว หรือหรี่ตา


ดูแหล่งที่มา ซ่อนแหล่งที่มา

Novakdjokovicfoundation.org, teaching children good manners

https://novakdjokovicfoundation.org/teaching-children-good-manners/

findababysitter.org, blog, 10 ways to teach your toddler manners

https://www.findababysitter.org/blog/10-ways-to-teach-your-toddler-manners/

kidspot.com.au, parenting, toddler, toddler development, your toddler at 32 months

https://www.kidspot.com.au/parenting/toddler/toddler-development/your-toddler-at-32-months/news-story/549dde84de1acfaabeace487ed4b7633

theplab.net, 32 months old

https://theplab.net/32-months-old/

zerotothree.org, resources, from baby to big kid month 32

https://www.zerotothree.org/resources/1273-from-baby-to-big-kid-month-32

photo : Stocksy_Sally Anscombe

BabyToddlersKids

BabyToddlersKids.com เป็น The trustworthy pregnancy and baby information site. ที่ให้พ่อแม่ยุคดิจิตอล ที่ต้องการหาข้อมูล องค์ความรู้ เกี่ยวกับลูก ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงวัยก่อนเข้าเรียน จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ทั้งสถาบันวิจัยเฉพาะทางหน่วยงานวิจัยของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก โรงพยาบาล ที่มีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมทั้งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทำให้ผู้ที่กำลังเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจในข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก สามารถนำข้อมูลจาก BabyToddlersKids.com ไปเป็นข้อมูลประกอบในการเตรียมพร้อม และดูแลลูกในด้านต่างๆ ต่อไป





Contact Us


  • [email protected]

388/52 ชิคดิสทริค
รามคำแหง 53 ถนนรามคำแหง พลับพลา
กรุงเทพมหานคร


Connect with us

  • TRACK พัฒนาการทารกในครรภ์

    กดปุ่ม Join Us เพื่อติดตามพัฒนาการทารกในครรภ์ในแต่ละสัปดาห์ พร้อมข้อมูล คำแนะนำจากคุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลทารกในครรภ์และคุณแม่

    ลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ เพื่อไม่พลาดการติดตามพัฒนาการลูก

  • Join Us

© 2019 babytoddlerskids.com. All Rights Reserved.