IN THIS SECTION
- พัฒนาการของทารกในครรภ์สัปดาห์ที่ 10
- การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของคุณแม่
- อาการที่พบบ่อยของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 10
- คำแนะนำสำหรับคุณแม่
พัฒนาการของทารกในครรภ์ในสัปดาห์ที่ 10
My Baby This Week
ในสัปดาห์นี้ ตัวอ่อนพัฒนามาถึงช่วงสุดท้ายของระยะตัวอ่อน และจะเจริญเติบโตเป็นทารกต่อไป ในช่วงนี้ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในหลายๆ ด้าน เริ่มที่ขนาดของตัวอ่อน โดยมีความยาวประมาณ 30 มิลลิเมตร หรือขนาดเท่ากับผลมะนาว
ศีรษะของตัวอ่อนจะมีขนาดใหญ่กว่าลำตัว ใบหน้ามีความละม้ายคล้ายเด็กทารกมากยิ่งขึ้น โดยปรากฏให้เห็นดวงตาที่มีเปลือกตาปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง และสามารถตอบสนองต่อกับแสงได้ ริมฝีบนเริ่มปรากฏให้เห็น พร้อมกับโพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง
ในขณะเดียวกัน กระดูกขากรรไกรก็กำลังพัฒนาไปพร้อมๆ กับฟันน้ำนมในอนาคต
นิ้วมือ พัฒนาสมบูรณ์ ไม่ได้เป็นพังผืดอีกต่อไป รวมทั้งเล็บมือและเล็บเท้าก็กำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างด้วยเช่นกัน
อวัยวะภายในหลักๆ ได้แก่ ไต ตับ สมอง และปอด นั้น สามารถทำงานได้แล้ว แต่ยังต้องพัฒนาต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดคลอด ขณะที่หัวใจ ได้พัฒนาอย่างสมบูรณ์ มีอัตราการเต้น 180 ครั้งต่อนาที ซึ่งเต้นเร็วกว่าหัวใจของคุณแม่ถึง 2-3 เท่า
นอกจากนี้ ตัวอ่อนในช่วงนี้สามารถกลืนน้ำคร่ำ และเตะขาได้แล้ว เพียงแต่คุณแม่ยังคงไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวนี้
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 10
My Body
มดลูกของคุณแม่ยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้มดลูกของคุณแม่จะมีขนาดประมาณเท่าผลส้มแล้ว ในตอนนี้ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะถูกปล่อยออกมามากเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณมดลูก เพื่อให้กล้ามเนื้อขยายตัวในระหว่างที่ทารกในครรภ์เจริญเติบโต คุณแม่จึงอาจจะรู้สึกอึดอัด หรือเกิดอาการท้องอืด เรอ หรือผายลมบ่อยๆ ในขณะเดียวกัน ฮอร์โมนนี้ก็ทำให้กล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหารเกิดการคลายตัวด้วยเช่นกัน จนบ่อยครั้งส่งผลให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้
อาการที่พบบ่อยของคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 10
Signs & Common Symptoms of Pregnancy
นอกจากอาการแพ้ท้องที่คุณแม่พบเจอมาหลายสัปดาห์แล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ที่ควรต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนี้ คือ
อาหารไม่ย่อย และกรดไหลย้อน ในช่วงนี้ระบบย่อยอาหารของคุณแม่จะทำงานช้าลง ทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และ กรดไหลย้อนได้บ่อย
ปวดเกร็งคล้ายปวดประจำเดือน เป็นอาการปกติเพราะตัวอ่อนฝังตัวลงในมดลูก และอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ด้วย แต่ไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่ถ้าคุณแม่กังวลกับอาการนี้ ควรปรึกษาแพทย์
เวียนศีรษะ เป็นลม อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความดันโลหิตต่ำ อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป หรือ อาจมีระดับธาตุเหล็กในเลือดต่ำก็ได้ หากเกิดอาการ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบถึงสาเหตุที่แน่นอน
มีตกขาวมากขึ้น ตกขาวในช่วงตั้งครรภ์ถือเป็นสิ่งปกติ ซึ่งเป็นกลไกของร่างกายในการป้องกันการติดเชื้อใดๆ ในช่องคลอดไม่ให้ผ่านเข้าไปยังมดลูกได้ ซึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของตัวอ่อนที่กำลังเติบโตนั่นเอง แต่หากพบว่าตกขาวมีสีเปลี่ยนเป็นเหลือง หรือเขียว และมีกลิ่นแรง ควรพบแพทย์
คำแนะนำสำหรับคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 10
The Doc Says
คุณแม่ควรได้รับการตรวจครรภ์และความปลอดภัยของทารกในครรภ์เป็นครั้งแรกในช่วงสัปดาห์นี้ โดยแพทย์ผดุงครรภ์ทำจะการตรวจหลายประการเพื่อตรวจสอบสุขภาพของทั้งคุณแม่และตัวอ่อนในครรภ์ โดยคุณแม่อาจต้องผ่านการตรวจดังต่อไปนี้
- การตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด บี ซิฟิลิส หรือเชื้อเอชไอวี
- การตรวจหาหมู่เลือดและแอนติเจน Rh
- การตรวจเลือดเพื่อหาความผิดปกติทางพันธุกรรม
- การตรวจอัลตราซาวด์ ที่คุณแม่จะได้เห็นเจ้าตัวน้อยเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ เนื่องจากคุณแม่ตั้งครรภ์มักถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคติดเชื้อมากมาย ในสัปดาห์นี้ แพทย์อาจแนะนำให้คุณแม่ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ อีสุกอีใส คางทูม และหัด เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน คุณแม่ก็ควรดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน หรือการว่ายน้ำ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่คุณแม่สามารถทำได้ตลอดการตั้งครรภ์
เรามาลุ้นกันต่อว่าในสัปดาห์ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่และลูกน้อยอีกบ้าง