เมื่อเด็ก (Toddler) มีอายุเข้าสู่ช่วงวัย 9 เดือน สมองของเด็กจะพัฒนาเข้าสู่ช่วงเติบโตอย่างรวดเร็ว (Growth spurt) ส่งผลให้เด็กเริ่มที่จะพัฒนาลักษณะนิสัย ซึ่งคุณแม่คุณพ่ออาจเริ่มสังเกตเห็นได้ว่าลูกน้อยมีพฤติกรรมที่ต่างไปจากเดิมอย่างไร ลูกน้อยชอบทำอะไร ชอบแก้ไขปัญหาอย่างไร และมีอารมณ์ที่ดีหรืออารมณ์ที่เสียมากกว่ากัน นอกจากนี้เด็กยังเริ่มรับรู้และมองเห็นถึงสิ่งของที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้อง ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่ไกลสำหรับเด็กเมื่อเทียบกับช่วงวัยก่อนหน้านี้ เด็กเริ่มจดจำของเล่นชิ้นโปรดได้รวมไปถึงใบหน้าของคนที่คุ้นเคย ไม่ใช่เพียงแค่ใบหน้าของคุณแม่คุณพ่อ นอกจากนี้ในด้านพัฒนาการการเคลื่อนไหวร่างกาย (Physical and movement development) ที่พัฒนาไปมากในช่วงเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ก็อาจทำให้คุณแม่คุณพ่อรู้สึกแปลกใจเมื่อลูกน้อยสามารถเคลื่อนที่จากจุดที่เขาอยู่ไปยังจุดมุ่งหมายได้รวดเร็วขึ้น โดยที่เด็กสามารถที่จะนั่งตัวตรงได้ คลาน (Crawling) ได้อย่างคล่องแคล่ว ยืนขึ้นได้ด้วยการจับยึดสิ่งของไว้เช่นขอบโซฟา ขอบโต๊ะ ขอบตู้ แล้วยังสามารถค่อยๆก้าวขาเดินขณะพยุงตัวเองด้วยการจับยึดสิ่งของเหล่านี้ได้อีกด้วย
พัฒนาการของเด็กในภาพรวม
Toddler’s developmental milestone
ในด้านพัฒนาการการควบคุมกล้ามเนื้อ (Motor skills) และการเคลื่อนไหว นอกจากเด็กจะสามารถนั่งตัวตรง นั่งตัวตรง และลุกขึ้นยืนได้ด้วยความช่วยเหลือของคุณแม่คุณพ่อและจากการจับสิ่งของเพื่อยันตัวเองให้ยืนขึ้นแล้วนั้น เด็กบางคนยังสามารถค่อยๆยันตัวเองขึ้นขั้นบันไดได้อีกด้วย แต่การลงบันไดนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายไม่ว่ากับเด็กคนไหน ดังนั้นช่วงนี้คุณแม่คุณพ่อควรจับตามองลูกน้อยให้ดี หรือหาประตูกั้นมาวางไว้ที่ตีนบันไดเพื่อป้องกันการขึ้นบันไดของลูกน้อย นอกจากนี้เด็กยังสามารถควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine motor skills) ที่มือได้ดีมากขึ้นจนสามารถจับและถือสิ่งของหรืออาหารชิ้นเล็กๆได้ หากคุณแม่คุณพ่อยังป้อนอาหารผู้ใหญ่ (Solid food) ให้ลูกน้อยอยู่ ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ดีที่จะให้ลูกน้อยได้จับอาหารขึ้นมาเข้าปากด้วยตัวเอง
เด็กเข้าใจการคงอยู่ของวัตถุ (Object permanence)
การคงอยู่ของวัตถุคือการเข้าใจว่าสิ่งของยังมีตัวตนอยู่ แม้ไม่ในอยู่ในสายตาหรือถูกซ่อนไว้ ดังนั้นในช่วงนี้เด็กอาจมีความรู้สึกคิดถึง ไปจนถึงเกิดเป็นความกังวลและความเครียดมากขึ้นเมื่ออยู่ห่างจากคุณแม่คุณพ่อ (Separation anxiety) แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติตามพัฒนาการของวัย อย่างไรก็ตามการที่เด็กเข้าใจเกี่ยวกับการคงอยู่ของวัตถุนั้นก็จะทำให้เด็กเข้าใจเกี่ยวกับโลกรอบตัวเขามากขึ้น โดยคุณแม่คุณพ่อสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการนี้ได้ด้วยการนำของเล่นของลูกน้อยซ่อนไว้ใต้ผ้าผืนหนึ่งต่อหน้าลูกน้อย และให้ลูกน้อยลองหาของเล่นชิ้นนั้น
พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร
oddler’s language and communication development
เนื่องด้วยพัฒนาการที่สมองของลูกน้อยกำลังอยู่ในช่วงเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงนี้ลูกน้อยจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์ง่ายๆมากขึ้น โดยเด็กเข้าใจและรับรู้ถึงความหมายของคำว่า ไม่ และสื่อสารคำว่าไม่ไปสู่คุณแม่คุณพ่อเมื่อรู้สึกไม่พอใจหรือไม่ต้องการอะไรด้วยการปิดปากสนิทและหันหน้าหนีไปทางอื่น นอกจากนี้เด็กยังเข้าใจเกี่ยวกับการจากลา โดยเด็กส่วนใหญ่มักเริ่มโบกมือและพูดคำว่า บ๊ายบาย ในวัยนี้
ในด้านพัฒนาการการพูด (Speech development) เด็กสามารถที่จะออกเสียงคำว่าแม่ พ่อ ได้ชัดเจนมากขึ้น และลอกเลียนแบบการออกเสียงรวมไปถึงน้ำเสียงของคุณแม่คุณพ่อและสมาชิกคนอื่นๆภายในครอบครัว รวมไปถึงรู้จักการใช้เสียงเพื่อเรียกร้องความสนใจของคนรอบข้าง
การเจริญเติบโตและสุขภาพของเด็ก
Toddler’s growth and health
สำหรับน้ำหนักของเด็กวัย 9 เดือนนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 18 ปอนด์ หรือ 8.16 กิโลกรัม สำหรับเด็กผู้หญิง และ ประมาณ 20 ปอนด์ หรือ 9.07 กิโลกรัมสำหรับเด็กผู้ชาย และองการอนามัยโลกหรือWHOได้แนะนำส่วนสูงของเด็กผู้หญิงในวัย 9 เดือนว่าควรสูงกว่า 28 นิ้ว หรือ 71.12 เซนติเมตรเล็กน้อย และเด็กผู้ชายควรมีส่วนสูงที่ต่ำกว่า 28 นิ้ว หรือ 71.12 เซนติเมตรเพียงเล็กน้อยเช่นกัน หากคุณแม่คุณพ่อติดตามพัฒนาการการเจริญเติบโตของลูกน้อยแล้วพบว่าลูกน้อยทานอาหารน้อยลงและมีน้ำหนักลดลงหรือไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ควรเข้าพบกุมารแพทย์ (Pediatrician)
เด็กในวัยนี้ยังควรได้รับนมแม่ (Breast milk) หรือน้ำนมทดแทน (Formula feeding) เป็นสารอาหารหลักอยู่ อย่างไรก็ตามเด็กบางคนอาจเริ่มชอบและต้องการการดื่มนมจากขวดนม (Bottle feeding) มากกว่าการเข้าเต้า (Breast feeding) ซึ่งก็ถือเป็นสิ่งปกติเนื่องจากการไหลของน้ำนมนั้นคงที่และเด็กไม่ต้องออกแรงในการดูดน้ำนมมากนั่นเอง ขณะเดียวกันหากลูกน้อยมีความคุ้นเคยกับอาหารผู้ใหญ่แล้ว เด็กควรได้รับอาหารบดละเอียดหรือหั่นชิ้นเล็กในปริมาณน้อยสามครั้งและขนมสองครั้งในหนึ่งวัน เหมือนกันมื้ออาหารของผู้ใหญ่ แต่ต่างกันที่อาหารเหล่านี้ควรให้ในปริมาณที่น้อยและไม่ควรเติมน้ำตาลและเกลือ แพทย์ยังได้แนะนำว่าหากเป็นไปได้ควรให้ลูกน้อยได้ทานผักและผลไม้ที่หลากสี รวมไปถึงให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารครบห้าหมู
สำหรับด้านสุขภาพของลูกน้อย หากคุณแม่คุณพ่อให้ลูกน้อยทานอาหารผู้ใหญ่แล้ว คุณแม่คุณพ่อไม่ควรลืมว่าลูกน้อยยังไม่สามารถทานนมวัวได้ และลูกน้อยไม่ควรทานอาหารที่แข็ง เคี้ยวยากเนื่องจากอาจทำให้ติดคอได้ นอกจากนี้ยังควรเฝ้าสังเกตลูกน้อยขณะทานอาหาร หากลูกน้อยเกิดอาการแพ้ควรให้ลูกน้อยหยุดทานแล้วพาลูกน้อยพบแพทย์ทันที และสัญญาณอื่นๆที่คุณแม่คุณพ่อควรเฝ้าระวังมีดังนี้
- ไม่แสดงพฤติกรรมตอบสนองเมื่อคุณแม่คุณพ่อเดินออกจากห้องหรือเดินห่างลูกน้อยไปไกล
- ไม่สามารถนั่งได้แม้คุณแม่คุณพ่อจะช่วยประคอง
- ไม่แสดงพฤติกรรมตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ
- ไม่มองตามสิ่งของหรือทิศทางที่คุณแม่คุณพ่อชี้ไป
เคล็ดลับสำหรับคุณแม่ในการเลี้ยงลูกน้อย
Postpartum Tips
หากตอนนี้ลูกน้อยของคุณแม่เลือกที่จะดื่มนมจากขวดนมมากกว่าการเข้าเต้า คุณแม่ควรที่จะปั๊มนมและเก็บเข้าช่องแช่แข็งไว้สำหรับลูกน้อย โดยเด็กในวัยนี้ควรได้รับน้ำนมแม่อย่างน้อย 25 ออนซ์ หรือ739 มิลลิลิตร คุณแม่สามารถหารจำนวนครั้งการให้นมลูกน้อยในหนึ่งวันเพื่อแบ่งน้ำนมให้เป็นสัดเป็นส่วนได้ เช่น ลูกน้อยดื่มนมวันละ 5 ครั้ง เท่ากับว่าในถุงเก็บน้ำนมถุงหนึ่งควรมีน้ำนมประมาณ 5 ออนซ์นั่นเอง แต่หากตอนนี้ลูกน้อยยังชื่นชอบการเข้าเต้าอยู่นั้น สัญญาณที่จะบอกได้ว่าลูกน้อยได้รับน้ำนมอย่างเพียงพอนั่นคือ
- ลูกน้อยดูอิ่มและพอใจ ไม่งอแงหรืออารมณ์เสียเนื่องมาจากความหิว
- คุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บและแน่นที่เต้านม เต้านมนิ่มลงหลังให้นมลูกน้อย
- ลูกน้อยมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างคงที่และต่อเนื่อง ประมาณ 3 ออนซ์ ถึง 5 ออนซ์ หรือประมาณ 85 กรัม ถึง 141 กรัม
ลูกน้อยชื่นชอบของเล่นที่มีการตอบโต้ (Interactive toys)
ในวัยนี้ลูกน้อยอาจไม่ชื่นชอบของเล่นหรือกิจกรรมที่ต้องนั่งดูเพียงอย่างเดียว แต่ลูกน้อยจะชื่นชอบที่ได้สำรวจและสัมผัสกับของเล่นชิ้นต่างๆที่มีการตอบโต้ไม่ว่าจะเป็น หนังสือป๊อปอัพ หนังสือเพลง บล็อคของเล่น เป็นต้น อย่างไรก็ตามคุณแม่คุณพ่อไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาซื้อของเล่นที่มีราคาแพง สิ่งของภายในบ้านก็สามารถเป็นของเล่นให้ลูกน้อยได้เหมือนกันเช่น ช้อนไม้ให้ลูกน้อยได้ถือและตีกับพื้น และที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณแม่คุณพ่อเองก็สามารถช่วยให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้กับเกมกิจกรรมที่ต้องการการตอบโต้เช่น จ๊ะเอ๋ ตบแปะ เป็นต้น