ในช่วงวัย 7 เดือน พัฒนาการที่สำคัญที่สุดนั้นเกิดขึ้นภายในตัวของลูกน้อย นั่นคือการเรียนรู้ที่จะประสานงานระหว่างการมองเห็น การได้ยิน และการสัมผัส ส่งผลให้การเคลื่อนไหวและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของเด็กนั้นดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้เด็ก (Toddler) ยังมีพัฒนาการด้านการสื่อสาร (Communication development) ในด้านอวัจนภาษาหรือการสื่อสารผ่านภาษากายและการแสดงออกทางสีหน้านั่นเอง และยังสามารถรับรู้ได้ด้วยว่าคุณแม่คุณพ่อนั้นรู้สึกอย่างไรผ่านภาษากายและน้ำเสียง มากไปกว่านั้นเนื่องด้วยการมองเห็นที่ดีขึ้น (Vision development) ทำให้เด็กสามารถที่จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลจากตัวเขาในระยะที่ไกลขึ้น และสามารถมองตามการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากลูกน้อยพยายามเอื้อมมือไปหาของที่อยู่ไกลกว่าตัวเขามากกว่าเคย
พัฒนาการของเด็กในภาพรวม (Toddler’s developmental milestone)
นอกจากที่เด็กในวัย 7 เดือนจะมีพัฒนาการด้านการประสานงานของร่างกายที่ดีแล้ว เด็กยังมีพัฒนาการการควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine motor skill) ที่ดี โดยเด็กสามารถที่จะหยิบสิ่งของได้ด้วยมือข้างเดียว จากก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้สองมือประคอง และยังอาจสามารถปรบมือได้อีกด้วย นอกจากนี้เด็กยังเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งของรอบตัวผ่านการเอื้อมมือไปยิบสิ่งของที่ไกลตัว ลากของชิ้นนั้นเข้ามาหาตัวเอง ตรวจสอบของชิ้นนั้นด้วยสายตา แล้วนำของชิ้นนั้นเข้าปาก ดังนั้นคุณแม่คุณพ่อควรเก็บสิ่งของอันตรายให้มิดชิดในตู้หรือลิ้นชัก เด็กยังสามารถที่จะถืออุปกรณ์ทานอาหารได้แล้วอีกด้วย แม้เด็กอาจจะยังไม่เข้าใจว่าช้อนและส้อมเอาไว้ทำอะไร แต่การให้ลูกน้อยได้นั่งดูคุณแม่คุณพ่อทานอาหารด้วยช้อนส้อมเป็นประจำจะช่วยให้เด็กเข้าใจได้ในไม่ช้าถึงหน้าที่ของอุปกรณ์เหล่านี้
ลูกน้อยสามารถนั่งได้แล้ว
ในช่วงวัย 7 เดือนนี้เด็กหลายคนสามารถที่จะนั่งตัวตรงได้ด้วยตัวเองโดยไม่เซล้มแล้ว อย่างไรก็ตามหากลูกน้อยยังต้องการให้คุณแม่คุณพ่อช่วยประคองอยู่บ้างก็ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ ไม่นานลูกน้อยก็จะสามารถหาสมดุลและสามารถที่จะนั่งตัวตรงได้แม้คุณแม่คุณพ่อจะปล่อยมือ อย่างไรก็ตาม บริเวณที่ให้ลูกน้อยได้ฝึกนั่งหรือบริเวณนั่งเล่นของเล่นนั้นควรปูด้วยพรมหนานุ่มและมีเบาะนุ่มๆไว้รองรับหากลูกน้อยเซล้มหรือต้องการเปลี่ยนท่าทาง
เด็กอาจปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง
ในวัยนี้เด็กอาจเริ่มทดสอบขอบเขตอำนาจและความเป็นผู้นำของคุณแม่คุณพ่อด้วยการปฏิเสธที่จะทำตามคำขอหรือคำสั่งในบางครั้ง ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่ได้หมายความว่าลูกน้อยกำลังดื้อหรือกำลังแสดงออกทางพฤติกรรมที่ไม่ดี ลูกน้อยแค่กำลังทดสอบขอบเขตของอำนาจของสมาชิกในครอบครัวรวมถึงของตัวเขาเองด้วย ดังนั้นขอให้คุณแม่คุณพ่อจำไว้ว่าพฤติกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการ ขอให้คุณแม่คุณพ่อใจเย็นและพูดคุยกับลูกน้อยว่าทำไมถึงต้องทำ ทำแล้วดีอย่างไร ทำแล้วจะได้รางวัลอะไร เพื่อกระตุ้นให้ลูกน้อยอยากทำแทนที่จะปฏิเสธ
พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร
Toddler’s language and communication development
สำหรับพัฒนาการด้านภาษา ลูกน้อยจะมีการออกเสียงคำหนึ่งพยางค์ที่ไม่มีความหมายและถึงแม้จะมีความหมายเช่น พ่อ แม่ บ๊ายบาย ตัวเด็กเองก็ยังไม่เข้าใจว่าคำเหล่านี้หมายความถึงอะไร อย่างไรก็ตามเด็กในวัยนี้มักเข้าใจคำว่า ไม่ และมักตอบสนองต่อคำๆนี้ แต่ลูกน้อยจะยอมทำตามเมื่อคุณแม่คุณพ่อพูดคำว่าไม่หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในด้านพัฒนาการการสื่อสาร เด็กสามารถที่จะจำแนกอารมณ์ของคุณแม่คุณพ่อได้ผ่านการใช้น้ำเสียงของคุณแม่คุณพ่อ และเด็กยังสามารถที่จะโต้ตอบกับคุณแม่คุณพ่อได้ด้วยการแสดงออกทางภาษากายและการแสดงออกทางสีหน้า โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกมีความสุขและเมื่อรู้สึกไม่พอใจ
การเจริญเติบโตและสุขภาพของเด็ก
Toddler’s growth and health
สำหรับน้ำหนักโดยเฉลี่ยของเด็กในวัย 7 เดือนนั้น เด็กผู้หญิงจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 16.8 ปอนด์ หรือ 7.6 กิโลกรัม และ เด็กผู้ชายจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 18.3 ปอนด์ หรือ 8.3 กิโลกรัม และมีส่วนสูงสำหรับเด็กผู้หญิงอยู่ที่ประมาณ 26.5 นิ้ว หรือ 67.31 เซนติเมตร และ ส่วนสูงสำหรับเด็กผู้ชายอยู่ที่ประมาณ 27.2 นิ้ว หรือ 69.08 เซนติเมตร
หากคุณแม่คุณพ่อเริ่มให้ลูกน้อยได้ทำความรู้จักกับอาหารผู้ใหญ่ (Solid food) เมื่อเดือนก่อนแล้ว เมื่อย่างเข้าเดือนที่ 7 เด็กจะมีความคุ้นเคยกับอาหารเหล่านี้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเด็กสามารถจับช้อนส้อมและมีการประสานงานระหว่างดวงตาและมือ (Eyes and hands coordination) ที่ดีขึ้น คุณแม่คุณพ่ออาจเริ่มให้ลูกน้อยลองทานอาหารด้วยตัวเองดู โดยเริ่มจากการใช้มือทานอาหาร ซึ่งถึงแม้จะเป็นวิธีที่ทำให้เกิดความเลอะเทอะ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้ลูกน้อยได้เรียนรู้การมีอิสระและทำอะไรด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญที่คุณแม่คุณพ่อควรทำก็คือบดอาหารให้ละเอียดเป็นเนื้อเนียน โดยควรเน้นเป็นอาหารจำพวกผักต้มบดและผลไม้สดบด ถึงแม้จะดูให้พลังงานไม่มากแต่ลูกน้อยยังควรได้รับสารอาหารและพลังงานหลักจากน้ำนมคุณแม่ (Breast milk) หรือ น้ำนมทดแทน (Formula feeding) เป็นสำคัญ ดังนั้นผักต้มบดและผลไม้บดเหล่านี้ควรถูกมองว่าเป็นอาหารเสริม มากกว่าเป็นอาหารมื้อหลัก
สำหรับสัญญาณเตือนภาวะผิดปกติในเด็กและภาวะเรียนรู้ช้ามีดังนี้
- ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อคอได้ มีอาการกล้ามเนื้อคออ่อนแรง เมื่อถูกจับให้นั่งตัวตรง
- ไม่มีความพยายามที่จะเรียกร้องความสนใจจากคุณแม่คุณพ่อด้วยการกระทำต่างๆหรือการส่งเสียง
- จำคุณแม่คุณพ่อไม่ได้
- ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ
- ปฏิเสธที่จะถูกกอด
- ไม่ทิ้งน้ำหนักลงไปที่ขาทั้งสองข้างเมื่อถูกประคองให้ยืน
หากคุณแม่คุณพ่อพบว่าลูกน้อยมีพฤติกรรมต่างๆเหล่านี้หรือมีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิม ควรเข้าพบกุมารแพทย์ (Pediatrician) เพื่อขอคำปรึกษา
เคล็ดลับสำหรับคุณแม่ในการเลี้ยงลูกน้อย (Postpartum Tips)
การเล่นถือเป็นสิ่งที่เด็กวัย 7 เดือนชื่นชอบที่จะทำ โดยเฉพาะเมื่อได้เล่นกับคุณแม่คุณพ่อ สำหรับเด็กวัยนี้ ไม่ว่าการเล่นรูปแบบไหนก็ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ทั้งสิ้น แต่กิจกรรมหนึ่งที่สำคัญก็คือการอ่านหนังสือกับลูกน้อยและพูดคุยเกี่ยวกับภาพต่างๆภายในหนังสือนิทานโดยสิ่งที่พูดนั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับนิทานเลยก็ได้ เพียงแต่การชวนลูกน้อยพูดคุยเกี่ยวกับภาพที่มีขนาดใหญ่และสีสันสดใส จะช่วยให้ลูกน้อยได้รู้จักใช้จินตนาการตั้งแต่วัยเยาว์
ลูกน้อยชอบเล่นเกมที่เดาทางได้
เด็กในวัยนี้ยังไม่พร้อมสำหรับกิจกรรมหรือเกมที่ซับซ้อนและคาดเดาได้ยาก ในทางกลับกันเด็กชื่นชอบกิจกรรมที่คาดเดาผลได้และมีความซ้ำอย่าง การเล่นจ๊ะเอ๋ การเล่นไปพร้อมๆกับร้องเพลงเช่น หัว ไหล่ เข่า (Head shoulders knees and toes) และเกมตบแปะ
ให้ลูกน้อยนั่งร่วมโต๊ะอาหาร
เมื่อลูกน้อยของคุณแม่คุณพ่อมีความคุ้นเคยกับอาหารผู้ใหญ่และสามารถใช้มือทานอาหารได้ด้วยตัวเองแล้ว คุณแม่คุณพ่อควรใช้โอกาสนี้ในการให้ลูกน้อยได้มานั่งทานอาหารบนเก้าอี้สูงสำหรับเด็กในมื้ออาหารที่สมาชิกในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อให้ลูกน้อยได้สังเกตและเรียนรู้วิธีการทานอาหารแบบผู้ใหญ่ รวมไปถึงวิธีการเข้าสังคม